วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2557

System Trading Tool: การสร้างระบบซื้อขายด้วยเครื่องมือ

การสร้างระบบซื้อขายที่เป็นระบบช่วยการตัดสินใจหรือทดแทนการตัดสินใจ ในการเก็งกำไร ต้องใช้หลักการการออกแบบ เครื่องมือ และวิธีการที่สอดคล้องมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการทดสอบก่อนการใช้งานจริง ระบบซื้อขายสามารถนำมาทดแทนนักวิเคราะห์ที่เป็นมนุษย์ที่มีการตัดสินใจที่ไม่แน่นอน แต่อาจจะมีข้อเสียที่ความแม่นยำจะไม่สูงมากนัก การออกแบบระบบให้ทนทานจึงเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อทำให้ระบบไม่ทำให้ port การลงทุนเสียหายจนดำเนินต่อเนื่องไปไม่ได้

สอนเล่น Futures หุ้น ด้วย System Trade Click ที่นี่->Click

การสร้างระบบ System Trade ไม่ใช่แค่ download metastock หรือ metatrader มา copy indicator หรือ EA มาใช้แล้วจะได้ System Trade ขั้นตอนกระบวนมีมากกว่านั้น เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสิ่งที่เรา copy มาใช้งานได้ดีแค่ไหน ถ้าเราไม่รู้ว่าสิ่งที่ copy มานั้นมีจุดแข็งจุดอ่อนอย่างไร คนที่ให้เรา copy ยากที่เขาจะเอาจุดอ่อนให้ดู

การสร้างระบบซื้อขาย หรือ System trading จะใช้หลักการเหมือนการสร้างระบบอื่น ทั่วๆไป ที่ต้องมี
  1. หลักการออกแบบ(Concept): เป็นแนวคิดที่รวบรวมมาจากการสังเกตธรรมชาติของการเคลื่อนไหวราคา ที่มีลักษณะเคลื่อนไหวซ้ำรอยเดิม โดยจะสังเกตว่าจุดใดที่เปิดโอกาสให้สร้างกำไรได้อย่างน่าคุ้มค่า จุดใดที่จะกลายเป็นจุดอ่อนที่ต้องแก้ไข การค้นหาหลักการที่ดีต้องมาจากการสั่งสมประสบการณ์ของผู้เฝ้าสังเกตอย่างยาวนานเพื่อให้แน่ใจว่าลักษณะการเคลื่อนไหวนั้นๆน่าสนใจและมีโอกาสเกิดขึ้นบ่อยครั้ง หลักการบางอย่างถ้าใช้เป็นเวลานานก็อาจจะพบว่าหลักการนั้นยังใช้งานได้ดีอยู่เพราะวงจรความรู้สึกของนักลงทุนจะวนอยู่ในลักษณะซ้ำรอยเดิม คือ กลัว สงสัย กล้า ที่ผลักดันด้วยความโลภนั่นเอง
  2. ออกแบบกลยุทธ(Design): ออกแบบตามหลักการที่ได้เลือกสรรมาแล้ว การออกแบบอาจเลือกใช้หลากหลายหลักการมาประกอบกัน โดยอาจเลือกแผนการสำหรับทำกำไร take profit, แผนการสำหรับป้องกันขาดทุน stop loss, แผนการเข้าออกสัญญา entry exit position โดยจะทำการออกแบบให้ตรงตามหลักการที่ได้เลือกสรรมาแล้วอย่างดี ที่เรียกว่ากลยุทธเพราะเป็นการใช้หลายแผนการที่ชัดเจนประกอบเข้าด้วยกัน ทำงานต่อเนื่องกันไป ไม่ได้ใช้แค่ 1 แผนการสำหรับหลายเหตุการณ์
  3. สร้างระบบ(Create): การสร้างระบบจะต้องพึ่งเครื่องมือ Tools ที่มีความสามารถในการ Coding ระบบตามที่ ออกแบบมาได้ Tool ที่ดูกราฟได้ทั่วไปมักจะทำได้แค่เพิ่ม indicator ยอดนิยม เช่น RSI Stochastic MACD  EMA เข้าไปได้ในกราฟและปรับ parameter ได้ แต่จะสร้าง indicator ใหม่เพิ่มเข้าไปไม่ได้ นอกจาก Tool จะมีความสามารถ Coding ได้ การทดสอบ Testing ก็ยังจำเป็นเพื่อทดสอบว่าสิ่งที่ออกแบบ design มาทำให้เกิดผลกระทบอย่างไรบ้างในอนาคต
  4. ทดสอบ(Testing):การทดสอบจะเป็นการ backtest คือทดสอบย้อนหลังในข้อมูลที่เกิดขึ้นในอดีต แม้อดีตจะไม่ได้บ่งบอกว่าอนาคตจะซ้ำรอยในอดีต แต่ถ้ามีข้อมูลที่มีลักษณะครอบคลุมสิ่งที่เป็นไปได้ในหลายรูปแบบ การทดสอบในอดีตก็จะเป็นตัวแทนของการสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ การเลือกจำนวนข้อมูลในอดีตที่มากอาจไม่ได้หมายถึงครอบคลุมรูปแบบที่มากพอ และการเลือกจำนวนข้อมูลอดีตที่น้อยก็อาจครอบคลุมสิ่งที่เป็นไปได้ทั้งหมดได้
  5. ประเมินผลและปรับแต่ง(Report & Optimize): การสรุปผลโดยออกเป็นรายงานที่แสดงค่า metric ต่างๆที่บอกถึงประสิทธิภาพของระบบเช่น CAR กำไรทบต้น winratio ความแม่นยำ จะอธิบายคุณภาพของระบบที่ออกแบบมาได้ นอกจากนั้นหลังการการทดสอบระบบแล้วอาจมีการทดสอบซ้ำด้วย parameter ที่ต่างกัน เช่น period ที่ต่างกันของ ema เพื่อทดสอบลักษณะความทนทานของระบบ ถ้า optimize แล้วกำไรมากขึ้นเป็น 1 เท่าตัว ก็อาจเป็นที่น่าสงสัยได้ว่ากำไรก็อาจจะลดลงครึ่งนึงได้ ถ้า parameter เปลี่ยนไป ซึ่งจะบ่งบอกว่าระบบที่ออกแบบมีความไม่ทนทานในทุกสภาวะ การเปลี่ยนแปลง parameter จะมีผลต่อประสิทธิภาพของระบบอย่างมากเกินไป
การค้นหาหลักการที่ดี จำเป็นต้องใช้กระบวนการแบบวิทยาศาสตร์ที่ต้องอาศัยการสังเกตและจดบันทึก รวบรวมจัดหมวดหมู่ จัดเก็บ ตั้งสมมิตฐานและนำมาทดสอบประเมินผล ซึ่งเป็นกระบวนการเดียวกับสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย ใช้
แต่โดยลักษณะการศึกษาของประเทศไทยจะไม่สนับสนุน ส่งเสริมให้เกิดกระบวนการเหล่านี้ เพราะลักษณะการเรียนการสอนในประเทศไทยจะเป็นลักษณะท่องจำ และทำตามสิ่งที่หนังสือเขียนไว้แล้วนำไปทำข้อสอบ ใครทำให้เหมือนหนังสือเขียนมากที่สุดจะได้คะแนนมากที่สุด ซึ่งสิ่งที่หนังสือเขียนไว้อาจไม่ได้สอดคล้องหรือทันสมัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน
บ่อยครั้งในการเลือกหลักการ ที่จะเชื่อตามหนังสือ และพยายามทำตามเหมือนการท่องหนังสือสอบแล้วนำมาใช้งาน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง

การออกแบบกลยุทธ จะใช้หลักการโจมตีในจุดอ่อนของลักษณะราคา และป้องกันด้วยจุดแข็งที่ระบบสามารถทำได้ ตีจุดอ่อน ป้องกันด้วยจุดแข็ง ซึ่งจะทำให้ได้เปรียบทั้งสองสถานะการณ์เชิงรุกและรับ

การสร้าง ทดสอบ ประเมินผลและปรับแต่ง จำเป็นต้องใช้เครื่องมือ Tool ที่มีลักษณะ coding สร้าง indicator ได้ มี backtest ทดสอบกลยุทธ สร้าง report และ optimize ได้
Tool กราฟเทคนิคทั่วๆไปจะไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว Tool ทั่วไปจะทำได้แค่แสดงราคาที่เคลื่อนไหว และใส่ indicator แบบทั่วๆไป บางครั้งอาจมี signal แบบที่เป็นแบบมาตรฐานเป็นสัญญาณซื้อขายเช่น EMA ตัดกัน ซึ่งอาจปรับแต่ง period ได้ แต่ก็ไม่สามารถแบบแต่งอะไรได้มากกว่านั้น หรือสร้าง indicator ในแบบที่ต้องการ จากการออกแบบได้
Tools ที่สามารถทำงานดังกล่าวได้จะเรียกว่า Testable indicator Tools ซึ่งในปัจจุบันสำหรับหุ้นจะมี tool ที่ยอดนิยมคือ MetaStock และ AmiBroker โดย MetaStock จะเป็น Tool ที่สร้างมาเมื่อ 25 ปีที่แล้ว เป็นที่นิยมและแพร่หลายสำหรับนักลงทุน ส่วน AmiBroker เป็น tool ที่สร้างมาประมาณ 10 ปีที่แล้ว ที่มี feature ที่ Coding จะออกแบบมาให้ง่ายต่อการแก้ไข ปรับแต่งได้มากกว่า MetaStock , Metastock จะเหมาะกับกลยุทธที่ไม่สลับซับซ้อน เป็นกลยุทธที่ตรงไปตรงมา ใช้การคำนวณธรรมดา แต่ AmiBroker จะเหมาะกับกลยุทธที่ซับซ้อนมากกว่า
นอกจาก tool ทั้งสองแล้วก็มี Bisnews ที่มีความสามารถใกล้เคียงกับ AmiBroker แต่ไม่เป็นที่นิยมแพร่หลายมากนัก Bisnews สามารถ coding  indicator แต่การทดสอบจะไม่โดดเด่นเท่า AmiBroker

AdvanceGET เป็น tool ที่มีลักษณะเป็น pattern recognize คือจะเทียบรูปแบบราคากับทฤษฎีของ elliott wave ที่กล่าวถึงการมีขาขึ้นเป็น impluse 5 wave , มีขาลง correction 3 wave นับต่อเนื่องกับไป โดยในแต่ละ wave ก็จะแยกย่อยเป็น impluse correction ที่ degree ที่เล็กลงไปหรือใหญ่ขึ้นได้
โดย AGET จะทำงานด้วยการวัดระยะการย่อหรือยืดตัวเทียบระยะกับสัดส่วนของ Fibonacci ratio เพื่อหาความเป็นไปได้ที่อาจขึ้น ความเป็นไปได้ก็คือความไม่แน่นอน ซึ่งจะพบบ่อยครั้งว่ามีการนับรูปแบบคลื่นที่เปลียนไป เมื่อ ราคาเปลี่ยนไป ซึ่งก็คือความไม่แม่นยำของระบบนี้นั่นเอง การสร้าง indicator และทดสอบย้อนหลังใน AGET จะไม่สามารถทำได้เพราะจุดประสงค์ระบบออกแบบมาเพื่อ elliott wave โดยเฉพาะจึงไม่มี feature สร้าง indicator ดังกล่าว เป็น tools ที่ใช้ วิเคราะห์ตามทฤษฎีดังกล่าวได้เท่านั้นโดยนักลงทุนสามารถหาหุ้นที่มีโอกาสทำกำไรตามทฤษฎีดังกล่าวในลักษณะ rule base ที่กำหนดจาก pattern ได้ แต่ไม่มีลักษณะ backtest แต่อย่างใด ,
โอกาสที่ rule base นั้นจะสามารถโอกาสที่ดีได้จริงก็จะยังเป็นเรื่องน่าสงสัยอยู่ว่าโอกาสนั้นมีความแม่นยำมากแค่ไหน จาก rule base ที่ซับซ้อนเหล่านั้น

Aspen for browser, eFinance เป็น tool ทางเทคนิคที่ broker ในไทยมักจะมีให้ใช้ฟรี tool ทั้งสองจะทำได้แค่ ใส่ signal , ไม่สามารถ สร้าง indicator และทดสอบ backtest แบบซับซ้อนย้อนหลังได้  eFinance แม้จะมีการ export ผลการทดสอบออกเป็น excel ได้แต่ เนื่องจาก signal ที่มีจำกัด ก็จะไม่สะดวกในการสร้างกลยุทธตามที่ออกแบบ

คลิ๊กที่ภาพเพื่อดูรายละเอียด

Testable Indicator Tool

MetaStock

MetaStock จะเป็นเครื่อมือกราฟทางเทคนิคที่สามารถเขียน indicator หรือสูตรคัดเลือกหุ้นตามเงื่อนไขได้ ซึ่งเพียงพอต่อการสร้างและทดสอบกลยุทธตามที่นักลงทุนต้องการได้ โดย MetaStock จะมี feature ดังนี้

  • Data Feed: สามารถนำข้อมูลแบบ realtime ที่ broker feed ให้โดยตรงแบบ realtime แสดงราคา ณ ขณะนั้นได้ ในไทยจะมี investor ที่ให้บริการดังกล่าว , EOD data จะนำข้อมูล ณ ราคาสิ้นวัน import เพื่อใช้งานได้ data EOD จะเป็น Timeframe Day ที่มีทั้งแบบเสียค่าธรรมเนียมและแบบฟรี  แบบที่เสียค่าธรรมเนียม จะมี eFinance และ richerStock ที่ให้บริการอย่างเป็นทางการ ส่วนแบบฟรีทดลองหาใน google ด้วยคำว่า metastock SET จะพบ
  • Indicator:  MetaStock จะมี indicator แบบทั่วๆไปให้ใช้งานซึ่งสามารถใช้งานได้ทันที และจะมีแบบที่สร้างเพิ่มเติมได้เองโดย code ที่สร้างจาก meta-formula ที่มี indicator จำนวนหลายร้อยแบบให้เลือกใช้ หรือผู้ใช้นำมาดัดแปลงปรับแต่งได้เอง
  • Expert Advisor: ผู้ใช้สามารถสร้างสัญญาณซื้อขายที่อาจมาจากหลาย indicator หรือ rule base แบบที่ออกแบบเอง กลายเป็นจุดเข้าซื้อขายได้ โดย feature นี้จะมีการ plot สัญลักษณ์ลูกศรในจุดเข้าออก หรือเปลี่ยนสีแท่งราคาเป็นสีตามที่กำหนดได้
  • System Tester: จะนำ Expert Advisor EA มาทดสอบในหลักทรัพย์ที่ต้องการอาจเป็น แค่ 1 หลักทรพัย์ ดัชนี หรือหลายหลักทรัพย์ ในช่วงเวลาที่กำหนด การทดสอบจะใช้ สัญญาณซื้อขายที่ EA ระบุไว้ และจะให้ผลลัพธ์ออกมาในรูปแบบ report ที่มี metric วัดประสิทธิภาพของระบบ ว่าคุณภาพเป็นอย่างไร
  • Optimize: การทดสอบ System Tester นอกจากจะทดสอบด้วย parameter ที่เป็น period ที่กำหนด ยังสามารถ run เปลี่ยนแปลง parameter ในช่วงที่ต้องการเพื่อหาว่า parameter ใดให้กำไรสูงสุด การใช้ค่าที่ optimize จะมีมุมมองสองแบบคือ ค่า optimize นั้นจะให้กำไรได้ดีถ้าใช้ค่าแบบนั้นในการ trade จริง และอีกมุมนึง กลยุทธที่ค่า optimize ให้กำไรต่างจากค่า default มากถึงสองเท่าก็อาจให้กำไรน้อยลง 2 เท่าได้ถ้าสภาวะตลาดเปลี่ยนไป การที่จะใช้มุมมองใดขึ้นอยู่กับลักษณะกลยุทธว่ามีความ sensitive ต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวะตลาดมาเพียงใด ถ้ากลยุทธหรือ indicator ที่ใช้เกี่ยวข้องกับค่าการแกว่งของตลาดมักจะมีความ sensitive มาก ถ้าตลาดซึม ค่า parameter ชุดนึงจะทำงานได้ดีกว่าแต่จะไม่ดีถ้า ตลาดกลับ active ขึ้นมา การใช้ optimize จะเปิดเผยลักษณะดังกล่าวได้ แต่ถ้ากลยุทธไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ sensitive มากการใช้ optimize จะค้นหา parameter ที่เหมาะสมให้ได้ดี

การใช้งาน MetaStock ในไทยจะเป็นที่นิยมมากเพราะความง่ายในการ coding ที่ระบุไม่กี่บรรทัด บางที 1 บรรทัด ต่อการสร้างสัญญาณซื้อขายแบบง่าย 1 สัญญาณก็ทำได้ และข้อมูล EOD ส่วนมากจะสร้างขึ้นมาเพื่อ import เข้า MetaStock ก็จะสร้างความสะดวกให้กับผู้ใช้อย่างมาก
ในไทยสามารถสั่งซื้อ MetaStock กับตัวแทนจำหน่ายในไทยเช่น investor ซึ่งก็ขาย data feed แบบ realtime ให้ด้วย หรือจะสั่งซื้อโดยตรงกับทาง website ซึ่งก็จะส่ง link มาให้ download ราคา จะอยู่ประมาณ 500-1500 USD ขึ้นอยู่กับ data แบบ EOD หรือ realtime , data feed จะขายแยกเพิ่มเติม

AmiBroker

AmiBroker สร้างขึ้นมาโดยมีจุดประสงค์ให้ทุกอย่างสามารถ coding ได้ ไม่ว่าราคา indicator กลยุทธ การกำหนด port sizing ,money management , stop loss ภายใน formula editor เดียว ซึ่งก็จะมี feature ที่คล้ายกับ MetaStock ทุกประการ ส่วนที่เพิ่มเติมจะเป็น style การ coding ที่ทุกอย่างรวมใน editor file เดียว ซึ่งจะสะดวกกับผู้ใช้งานที่ ต้องการแก้ไขส่วนใดก็เปิด file เดียวนี้ขึ้นมา เปลี่ยนรูปแบบการแสดงราคา สร้างสัญญาณซื้อขาย เพิ่ม indicator(อาจเขียนขึ้นมาอีก file แล้วแต่กรณี) หรือ ทดสอบประสิทธิภาพ สัญญาณซื้อขาย
data ที่ใช้จะมีทั้งแบบ realtime และ import EOD จาก text file หรือดึงจาก metastock ได้โดยตรง 
ในไทยจะไม่มีผู้แทนจัดจำหน่ายโดยตรง สามารถซื้อได้ที่ website amibroker ราคาประมาณ 300 USD
data feed แบบ realtime ทาง investor ก็จัดจำหน่ายเช่นเดียวกัน data feed สามารถนำไปใช้ได้กับหลาย program เช่นเดียวกับ ของ eFinance ที่มีบริการ datafeed เช่นเดียวกัน ต้องสอบถามและทดลองใช้ทั้ง investor และ eFinance ดูว่าบริการ data feed ทำได้ realtime มากน้อยเพียงใด กับ program ที่ใช้งาน

การเลือกใช้งาน MetaStock หรือ AmiBroker 

เนื่องจาก data ส่วนมากจะสร้างขึ้นมาในลักษณะ EOD ที่จะ import เข้า MetaStock ได้โดยตรง การใช้งาน MetaStock กับ data import จะสะดวกกว่า แต่ถ้า data feed realtimg แบบสมัครสมาชิกเสียค่าธรรมเนียม program ใดก็ใช้งานได้สะดวกเพราะ data feed เข้า program โดยตรง 
ถ้า import data เข้า  MetaStock ได้แล้ว Amibroker ก็สามารถ import data ต่อเนื่องเข้า AmiBroker ได้ซึ่งก็ไม่ได้สร้างความลำบากให้ผู้ใช้ แต่เป็นการเพิ่มขั้นตอน
ความง่ายในการใช้งาน สำหรับ ผู้ใช้ที่ไม่คุ้นเคยกับการ coding ซับซ้อน MetaStock จะช่วยให้การใช้งานง่ายขึ้น โดยจะมีลักษณะการใช้แบบเติมคำในช่องว่าง และกด Next จนเสร็จสิ้น มี template ที่ให้เติม coding กลยุทธแล้วใช้งานได้ทันที 
ต่างจาก AmiBroker ที่ทุกอย่างเขียนรวมลงไปใน file editor file เดียว สำหรับผู้เริ่มใช้งานอาจสับสน สงสัยว่าจะเขียนอะไรลงไปใน file เพื่อให้ทำงานได้ วิธีแก้ปัญหานี้คือ การนำ coding ที่ share ไว้ใน amibroker library , copy มาแล้ว นำมาใช้งาน และแก้ไขเฉพาะส่วนที่ต้องการ 

การใช้งาน coding ในเบื้องต้น MetaStock จะเหมาะกับผู้เริ่มต้นมากกว่า แต่เมื่อใช้งานไปในระยะเวลานึงผู้ใช้จะคุ้นเคยในการออกแบบระบบให้ซับซ้อนมากขึ้น AmiBroker จะกลายเป็นสิ่งที่เหมาะสมมากกว่า การเลือกกลยุทธต่างๆที่ทำเก็บไว้ มาประกอบเป็นกลยุทธใหม่ใน AmiBroker จะสะดวกแค่ copy แล้ว paste ต่างจาก MetaStock ที่ต้องเปิดหน้าต่างแบบเติมคำในช่องว่าง หลายหน้าต่าง copy และ paste ซ้ำไปมาหลายรอบ ให้ coding แต่ละที่สอดคล้องกัน
การพัฒนากลยุทธสำหรับผู้ชำนาญจะทำใน AmiBroker ได้รวดเร็วกว่าเพราะทำใน editor file เดียว ตัด แปะประกอบสะดวก เหมือนการแก้เอกสารหน้าเดียว

การสร้างระบบซื้อขายเพื่อมาทดแทนการวิเคราะห์ทางเทคนิค เครื่องมือที่ใช้จะเป็นสิ่งที่สำคัญในการสร้างกลยุทธจากแนวคิดที่อยู่แค่ความคิด ทฤษฎี ในตำราหรือความคิด ให้กลายเป็นสิ่งที่มองเห็น ปฏิบัติตาม ตรวจสอบ ทดสอบได้ การมีเครื่องมือที่สร้างกลยุทธด้วยการ coding และ testing เป็นสิ่งที่จำเป็นที่ต้องมี ผลการทดสอบแม้ไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงในธรรมชาติได้ทั้งหมด แต่ก็จะสร้างความมั่นใจ ในการใช้กลยุทธที่ผ่านการทดสอบ ได้ดีมากกว่าแค่ทฤษฎีที่ไม่มีการทดสอบใดๆ จากนักวิเคราะห์ยอดนิยมที่มักพูดจาน่าเชื่อถือ แต่ไม่สามารถทดสอบได้
การใช้เครื่องมือสร้างระบบเป็นลักษณะการฝึกทักษะใช้เครื่องมือ เหมือนนายช่างหรือนักกีฬา ที่ต้องใช้ความพากเพียร ทำซ้ำๆ ฝึกหัดการใช้งานจนชำนาญ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะมีระดับมาตรฐานสูง คุ้มค่ากับการที่ได้ทุ่มเทเพียรพยายามมา

สอนเล่น Futures หุ้น ด้วย System Trade Click ที่นี่->Click
Lifestyle คนใช้ระบบ
มีเวลาดูตลาด tfex ระหว่างวัน เช้าหน ตอนตลาดเปิด บ่ายอีกหน
การ monitor ดูผ่าน smartphone ว่าระบบมี warning(เป็น indicator setup ไว้)ให้เตรียมตัวทำอะไรหรือไม่ เมื่อเกิด signal ก็ทำไปตามระบบ 
การ monitor ผ่าน smartphone ใช้เวลาครั้งละไม่กี่นาที 
ระบบไม่ใช่ daytrade ไม่ต้องเฝ้าจอ
เมื่อถึงวงรอบ(จะบอกว่าเมื่อไหร่) ต้องไป check ระดับวงเงินที่่เหมาะสมใน excel ที่ notebook ว่าต้องใช้วงเงินที่เหมาะสมที่เท่าไหร่ จึงจะไม่เสี่ยงมากเกินไปหรือน้อยไปจนกำไรไม่คุ้มค่า
ชีวิตประจำวัน ดู smartphone เป็นส่วนมาก  ดูไม่กี่นาที

ฝาก email สอบถามเข้ามาก็ได้นะครับ สงสัยปัญหาใดเกี่ยวกับ TFEX  ก็ได้
ระบบ Futures Ranger ทำงานได้ทั้ง Smartphone และ notebook มาใช้ Smartphone สร้างกำไรกันเถอะ

MetaStock และ Amibroker เครื่องมือที่สามารถ Backtest กลยุทธที่เราออกแบบมาได้
มี Feature ที่เราสามารถใส่ condition buy sell และทดสอบย้อนหลัง backtest, ทำ optimize หาค่า parameter ที่เหมาะสม
ระบบ Futures Ranger ก็สร้างมาจากเครื่องมือแบบนี้ แต่คนใช้งาน ใช้ผลลัพธ์ของ condition ใน program อื่นๆก็ได้เช่นกัน


1 ความคิดเห็น:

  1. จำหน่ายข้อมูลย้อนหลัง historical data เพื่อทำ Backtest สำหรับโปรแกรม MT4 ข้อมูลประมาณ 10 ปี มีหลายสกุลเงิน และ Timeframe ตั้งแต่ปี 2007-ถึงอัฟเดตสัปดาห์ล่าสุด ข้อมูลมีคุณภาพ ใช้งานได้ทันที

    กลุ่มผลิตภัณฑ์
    => FOREX DATA เช่น AUD USD,
    => METALS เช่น COPPER, GOLD
    => COMMODITY เช่น COFFEE, CORN, OIL
    => INDEX เช่น DAX, DOW JONES,

    สามารถดูได้ที่เว๊ป
    www.forexhistorydata.blogspot.com

    ตอบลบ