ลักษณะการซื้อขายใน TFEX จะเป็นลักษณะของตลาดการเงินทั่วๆไป เหมือนตลาดหุ้น ที่มี สินค้าอ้างอิง และ สัญญาที่อิงกับสินค้านั้น ถ้าเป็นตลาดหุ้น สัญญาก็คือตัวหุ้นนั่นเอง
ในมุมมองของ trader ที่ทำกำไรจากส่วนต่างราคาซื้อขาย future contract เรียกสั้นๆว่า future จะเป็นแค่ symbol นึงๆ ที่มีราคา bid offer แต่ TFEX จะเรียกว่า Bid Ask แทน เมื่อราคาที่ matching เปลี่ยนแปลง ถ้าคำนวณทางบัญชีจะเกิดส่วนต่างราคา คิดเป็นกำไรขาดทุนได้ เหมือนหุ้น
แต่ที่สร้างความน่าสนใจอย่างมากเพราะ contract ระบุไว้ว่าให้วางแค่เงินประกันขั้นต้น Initial margin แค่บางส่วน โดยส่วนมากจะประมาณ 10% ของ มูลค่าจริง เช่น สินค้าอ้างอิงเป็น ทองคำหนัก 10 บาท= 10x19,000= 1.9 แสนบาท แต่วางเงินจริงเป็น IM แค่ 1.5 หมื่นบาท
การวางเงินประกันแค่ 10% ถ้าสินค้าอ้างอิงเปลี่ยนแปลง +5% จาก 19,000 เป็น 19,950 กำไรที่เกิดขึ้นจะเป็น 10 เท่าของ IM คือได้ส่วนต่าง 1.995 - 1.9 แสน =9.5 พันบาท วางเงินแค่ 1.5 หมื่นได้กำไร 9 พัน ถ้าเป็นทางที่กำไร น่ายินดีอย่างยิ่ง แต่ถ้าเป็นทางที่ขาดทุนแทบล้มละลาย แต่ future จะมีเกณฑ์ว่าถ้าเหลือ Maintanence margin ต่ำกว่า 20% ของ IM จะบังคับปิดสัญญาก่อนต้องเป็นหนี้สิน ซึ่งมักจะเก็บไม่ได้ บังคับขายก่อนจะได้เคลียร์ได้ก่อน เกิดเรื่องร้ายแรง
การคิดเงินสิ้นวันหรือ net settlement ก็เป็นวิธีนึงที่ใช้ป้องกันคู่สัญญาไม่สามารถชำระส่วนต่างขาดทุนกำไรได้ คือเมื่อสิ้นวันจะหักลบส่วนต่างราคาเมื่อวานกับสิ้นวันวันนี้ ว่าจะต้องโอนเงินเข้าออกบัญชีใด เช่น ถ้าวันนี้นาย A ได้กำไร 10,000 บาทก็จะมีการปรับมูลค่า port ให้นาย A สิ้นวันนั้นเลย นาย B ขาดทุน 5,000 บาท ก็จะหักมูลค่า port ออก ณ สิ้นวัน และก็ทำเช่นนี้ทุกๆวัน ป้องกันผู้ขาดทุนไม่มีเงินจ่าย
แม้สัญญาจะระบุวันที่สิ้นสุดสัญญาไว้เช่น S50Z13 , จะหมดอายุ ธันวา 2013, S50H14 จะหมดอายุ มีค. 2014 แต่การปิดสัญญาก่อนหน้าหรือ close position จะทำได้ก่อนวันหมดอายุ close วันใดก็ได้ และก็ทำ settlement หักกำไรขาดทุนได้ ณ สิ้นวัน
สินค้าใน TFEX ที่นิยมสูงสุดจะเป็น stock future ,gold future,set50 index future ส่วน interest rate จะไม่นิยมนัก ซึ่ง gold จะอิงกลับราคาทองที่ London UK, ส่วน stock และ set50 จะอิงกับตลาด SET เมื่อสินค้าอ้างอิงมีราคาเปลี่ยนแปลงราคาหรือ แรงซื้อ แรงขายที่ matching แล้วก็จะเปลี่ยนตามแบบวินาทีต่อวินาที ticker ต่อ ticker บางทีก็วิ่งนำสินค้าอ้างอิงแบบน่าระแวง ว่าคนที่เล่นสินค้าอ้างอิง กับ future เป็นคนๆเดียวกันหรือไม่ ซึ่งก็ไม่มีทางพิสูจน์ได้
gold future ราคาที่เห็นจะเป็นราคาที่อ้างอิงกับทองคำโลก นักลงทุนที่มีประสบการณ์ส่วนมากมักจะนิยมมากกว่า เพราะ gold ไม่มีชาติใด การเมือง หรือเหตุการณ์จากประเทศใดทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงได้อย่างฉับพลัน แม้ปัจจุบันมักจะพบว่าตลาดชาติมหาอำนาจมีโอกาสสูงที่จะทำเช่นนั้น แต่สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้เกิดจากอิทธิพลภายในประเทศแน่นอน
set50 index future จากที่สินค้าอ้างอิงเป็น SET50 index future ที่อ้างอิงถึงหุ้นถึง 50 ตัวการเคลื่อนไหวของ set50 มักจะมีลักษณะต่อเนื่อง เกิดการได้เสียบ่อยครั้ง ขนาด contract จะเป็นลักษณะ 1 จุด=1000 บาท เช่น s50z13 เปลี่ยนจาก 950 ไปที่ 900 จะเกิดกำไรในฝั่ง short(ขาย) 50จุด = 50,000 บาท ขนาด IM จะประมาณ 90,000 บาท การเปลี่ยนแปลงแค่ 5% สร้างกำไรได้ถึง 5 หมื่นบาทถ้าเทียบกับทุนที่ 9 หมื่นบาท ยิ่งดึงดูดให้น่าสนใจมากขึ้น ถ้าลืมนึกถึงโอกาสการขาดทุน ทุกอย่างก็ OK (ปัจจุบัน 2016 , IM ประมาณ 9 พันบาท,1 จุด =200 บาท)
stock future จะอ้างอิงหุ้นหลายตัว แต่จะมีแค่บางตัวที่เป็นที่นิยมซื้อขายกัน สาเหตุอาจเป็นเพราะประเด็นทางธุรกิจเกี่ยวกับหุ้นนั้นมีความน่าดึงดูด ให้ราคาเปลี่ยนแปลงพอจะเก็งกำไรได้
currency future สินค้าอ้างอิง จะอิง กับ thb/usd เงินบาทเทียบดอลล่าร์ ธปท. ไม่อนุญาตให้ค้าค่าเงินเนื่องจากจะสร้างความไม่มั่นคงทางการเงินให้ประเทศได้ แต่ก็มีช่องทางผ่านทาง usd future ได้
Trading Style จะแบ่งออกได้เป็นสองแบบสำหรับ future คือ
- Hedge ป้องกันความเสี่ยง ในกรณี usd future ถ้านักลงทุนเป็นผู้ส่งออกสินค้าต้องการจะ lock ค่าเงินบาทที่ทำให้ราคาส่งออกของตนไม่เปลี่ยนแปลงมากจนทำให้เกิดขาดทุนจากค่าเงินบาทได้ ผู้ส่งออกก็สามารถ long(ซื้อ) หรือ short(ขาย) สัญญา usd future ไว้ได้ จะ long หรือ short ก็คงต้องขึ้นอยู่กับทิศทางค่าเงินแต่ก็มีจุดประสงค์เหมือนการประกันค่าเงินไว้ ไม่ได้คิดจะได้กำไรส่วนต่างจากราคา, ในหุ้นถ้าซื้อหุ้นไว้ ก็สามารถ short ไว้ป้องกันความเสี่ยง ขาดทุนจากหุ้นแต่ short จะสร้างกำไร หักลบกันก็เท่าทุนได้ ไม่ขาดทุนโดยรวม
- Direction การทำกำไรจากส่วนต่าง เป็นวิธีที่นักลงทุนรายย่อยนิยมทำมากที่สุด ซื้อถูกไปขายแพง open long แล้ว close short , ขายแพงแล้วไปขายถูก open short แล้ว close long การทำเช่นนี้ถ้าใช้วิธีเทคนิคหรือกลยุทธที่ใช้ในการ trade หุ้นก็จะสามารถทำได้เช่นกัน แต่ต้องเป็นระบบหรือกลยุทธที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าหุ้นเนื่องจาก leverage หรืออัตราขยายที่คิดจาก มูลค่าสินค้าอ้างอิง/เงินลงทุน จะสูงการผิดพลาดที่อาจดูไม่ใหญ่ในการ trade หุ้นจะสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับ port ได้ ซึ่งจะพบบ่อยๆถ้ามี panic การเรียกเงินประกัน MM เพิ่มจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และมีการ force close จำนวนมาก การคัดเลือกเทคนิค กลยุทธต้องคัดสรรกลยุทธที่ดีที่สุดมา trade
คลิ๊กที่ภาพเพื่อดูรายละเอียด
future contract จะเปิดโอกาสให้ทำกำไรแบบ direction ได้ทั้งขาขึ้นของสินทรัพย์และขาลงได้ ต่างจากหุ้นที่ต้องเป็นขาขึ้นจึงจะทำกำไรได้ ซื้อถูกไปขายแพงได้เท่านั้น
คำศัพท์ที่ใช้กัน L,Long คือการ buy open(ถ้าดูใน streaming pro) หรือซื้อขาขึ้น ถ้าราคาขึ้น Long จะได้กำไร S,Short คือการ sell open ซื้อขาลง ยิ่งราคาลง Short จะได้กำไร
ส่วนการปิดสัญญาจะทำตรงข้ามกับที่เปิดสัญญามา เช่น buy open เปิดสัญญามา sell close จะเป็นการปิดสัญญา , open sell เปิด close buy ปิด
การเล่น จะหมายถึง direction style ทำกำไรจากส่วนต่างราคา , การทำ hedge จะ open แล้วถือไว้จนหมดอายุไม่ต้องทำอะไร อาจมีเปิดปิดระหว่างทางแต่ก็เป็นแค่การปรับ port ก็ยังตั้งใจถือต่อไปจนหมดอายุ contract แล้วเปิด contract เดือนถัดไปอีก
การทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นขาลงจะสร้างความได้เปรียบอย่างมาก ในสภาวะที่หุ้นขาขึ้นการเล่นหุ้นและ s50 future จะได้กำไรทั้งคู่แต่ถ้าเกิดขาลง หุ้นจะขาดทุนแต่ s50 future ก็จะยังสามารถทำกำไรได้ open sell , open short, S ลงมานั่นเอง ไม่ต้องรอให้ตลาดเป็นขาขึ้นจึงจะกำไร
แต่เนื่องจากถ้าเล่นผิดทาง เป็นขาขึ้นแต่ open sell , short การขาดทุนก็เกิดขึ้นได้ในขาขึ้น และผสมกับการทำ leverage จะไปขยายความผิดพลาดนั้นได้จนเป็นอันตรายร้ายแรง
ถ้าเล่นหุ้นแล้วไม่กำไร ขาดทุนบ่อยครั้ง กำไรที่ได้มีขนาดเล็ก การเล่น future ที่เป็นส่วนขยายกำไรขาดทุนจะเป็นผลร้ายมากกว่า แต่ถ้าเล่นหุ้นประสบความสำเร็จ ก็ไม่ได้หมายถึง จะเล่น future ได้ เพราะ leverage จะทำร้าย port แบบร้ายแรงได้ในบางช่วงเวลา หุ้นจะไม่มี leverage แบบนี้(ในสมัยก่อนจะมี บัญชี margin วางเงิน 10% แล้วซื้อหุ้น ปัจจุบันจะเรียก credit account ซึ่ง broker มีนโยบายไม่เปิดเพิ่มมากนัก นักลงทุนส่วนมากจะเป็น cash account ฝากเงินเท่าไหร่ซื้อได้เท่านั้น) การเล่น future ที่กำไร ถ้ากลับไปเล่นหุ้นก็จะกำไรได้เช่นกัน อาจจะกำไรน้อยกว่า VI ที่ถือเฉยๆ เพราะต้องเข้าออกบ่อยในระยะสั้น แต่ถ้าเอา port future ไปเทียบกับ port VI , port future จะเห็นว่าขนาดเติบโตต่างกันกับ port VI มหาศาล(อาจขาดทุนมหาศาลก็ได้ แต่ยังไงก็มหาศาล ไม่่เสมอหรือใกล้เคียงกันแน่นอน)
อาจมีความสงสัยว่าเล่น tfex กำไรแต่เล่นหุ้นขาดทุนได้หรือไม่ ได้ถ้าหุ้นเป็นขาลง ต่อให้ tfex เก่งแค่ไหนก็หนีไม่พ้นการขาดทุนในการเล่นสวนทิศใหญ่ แต่ถ้าให้กลับไปเล่น tfex ขาลงก็จะกำไรเสมอ
ในกรณี หุ้นขาขึ้นแต่นักลงทุนที่เล่น tfex เล่นแล้วขาดทุนต้องระวังไว้ว่าความสามารถที่ทำกำไรใน tfex จะเป็นความสามารถชั่วคราวในระยะสั้น ซึ่งจะเปิดเผยความจริงอันเลวร้ายได้ในอนาคต
TFEX ยังมี option ที่เป็นลักษณะเดียวกับ DW derivative warrant ที่จะเพิ่มอัตราเร่งราคาในช่วงที่ใกล้หมดอายุ หรือ มี time value โดย DW value= instinct value+ time value โดยที่เริ่มต้นมักจะมี instinct = 0 ดังนั้น DW value= time value ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงแบบอัตราเร่งไม่เหมือน future ที่เปลี่ยนแปลงแบบ 1:1 คือสินค้าอ้างอิงเปลี่ยน 2,4,6,8% ราคา future ก็จะเปลี่ยนตามนั้น ต่างจาก option ที่จะเป็น 2,6,10,16% เมื่อเวลาผ่านไป(ส่วนมากลดลงอย่างเร็วเป็นอัตราเร่ง) option ใน TFEX จะไม่นิยมซื้อขายกันมากนัก อาจเป็นความเข้าใจที่ยากหรือ DW ที่อยู่ใน SET ได้รับความนิยมมากกว่า นักลงทุนจึงนิยมแต่ DW ซึ่งเป็น สินค้าที่ทับซ้อนกับ option , option จึงยากที่จะได้รับความนิยม
การลงทุนใน future contract ใน TFEX ที่นิยมกันมากถ้าใช้ direction style ในแบบการทำนายแนวรับแนวต้าน ดู oversold overbought ,Elliott wave ทำนายทิศทางและราคา จะเป็นเรื่องที่อันตราย แม้จะมีแผน มีวินัยที่ทำตามแผน มีจิตวิทยานักลงทุนที่ดี มีทัศนคติที่ดี แต่ถ้ากลยุทธที่ใช้อยู่ให้ผลขาดทุนในระยะยาว การลงทุน TFEX ก็อาจทำได้ไม่ยาวนาน อาจไม่เกิน 1 ปีก็ต้องหยุดไป เพราะถูก leverage ขยายขาดทุน จนไม่มีทุนพอจะเปิด IM
การใช้กลยุทธที่ดีใน TFEX จะกลายเป็น trading business หรือธุรกิจซื้อขายที่ทำกำไรให้ได้ในระยะยาวแบบยั่งยืนสม่ำเสมอ เนื่องจากความต่อเนื่องของการเคลื่อนไหวของราคา การขยายอำนาจกำไรขาดทุน การวางเงินลงทุนที่เหมาะสม เป็นองค์ประกอบที่ดีของ ธุรกิจนี้
สอนเล่น Futures หุ้น ด้วย System Trade Click ที่นี่->Click
Lifestyle คนใช้ระบบ
มีเวลาดูตลาด tfex ระหว่างวัน เช้าหน ตอนตลาดเปิด บ่ายอีกหน
การ monitor ดูผ่าน smartphone ว่าระบบมี warning(เป็น indicator setup ไว้)ให้เตรียมตัวทำอะไรหรือไม่ เมื่อเกิด signal ก็ทำไปตามระบบ
การ monitor ผ่าน smartphone ใช้เวลาครั้งละไม่กี่นาที
ระบบไม่ใช่ daytrade ไม่ต้องเฝ้าจอ
เมื่อถึงวงรอบ(จะบอกว่าเมื่ อไหร่) ต้องไป check ระดับวงเงินที่่เหมาะสมใน excel ที่ notebook ว่าต้องใช้วงเงินที่เหมาะสมที่ เท่าไหร่ จึงจะไม่เสี่ยงมากเกินไปหรือน้ อยไปจนกำไรไม่คุ้มค่า
ชีวิตประจำวัน ดู smartphone เป็นส่วนมาก ดูไม่กี่นาที
ฝาก email สอบถามเข้ามาก็ได้นะครับ สงสัยปัญหาใดก็ได้
ระบบ Futures Ranger ทำงานได้ทั้ง Smartphone และ notebook มาใช้ Smartphone สร้างกำไรกันเถอะ
เปิด port อนุพันธ์กับ broker ใดๆก็ได้ แค่นั้นก็สมัครมาเรียนได้เลย ที่เหลือมีสอนจนใช้ระบบได้คล่อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น